เทมเป้ข้าวไรซเบอรี่ (Riceberry Tempe) บ่มแล้วไม่กินทันที จะเป็นยังไง ?

 หลังจากที่เล่าไปถึงวิธีการทำเทมเป้ข้าวไรซเบอรี่แล้วในโพสต์ก่อนหน้า 👉 จิ้ม วิธีทำเทมเป้ข้าวไรซเบอรี่ 

บ่มวันอังคาร 11 ม.ค. พอวันพุธที่ 12 ม.ค ช่วงเช้าก็ไปด้อม ๆ มอง ๆ กระปุกออกขาว ๆ ขุ่น ๆ ให้พอลุ้น พอช่วงตอนเย็นเท่านั้นล่ะ ขาว แน่น เต็มก้อนมาก สวยงามตามท้องเรื่องเทมเป้

หลังจากนั้นเราก็ไม่อยู่บ้านจ้า ปล่อยเทมเป้ไว้บนชั้นวางตามรูปที่เห็นเลยค่ะ ไม่ได้เก็บแต่อย่างใด

พอกลับมาปุ๊บ วันเสาร์ที่ 15 ม.ค. หยิบมาดู มันยวบไปเลยจ้า เพราะเชื้อเดินตลอดเวลาจ้า แกะกล่องออกมากันเลย

กลิ่นข้าวหมากลอยเตะจมูกมาก่อนใครเลย ^^" กดดูจะยวบ ๆ อ่ะ ผ่ากลางดูดีกว่า ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป ท้าดา ~

และพบว่า...เส้นใยสีขาวระหว่างเม็ดข้าวหายไปหมดแล้วจ้า ฮา เพราะหลังจากบ่มได้ที่แล้ว ระหว่างนั้นมันถูกย่อยไปเรื่อย ๆ ค่ะ ซูมดูใกล้ ๆ สักนิด

ไม่รอช้า ชิมดูเลยดีกว่า กลิ่นมันเย้ายวนมาก คือ กลิ่นข้าวหมากดี ๆ นี่เองจ้า ดมไปนาน ๆ อาจจะเมา ฮ่า ๆ ๆ กินมันซะเลยดีกว่า

กัดไปคำแรกปุ๊บ รสชาติเปรี้ยวนำมาเลย ไม่ใช่เปรี้ยวจากน้ำส้มสายชูนะคะ เปรี้ยวจากแป้งที่ถูกย่อย อื้อฮือ อยากจะเอาไซรัปน้ำตาลมะพร้าวมาราดจริง ๆ เลย

แล้วรสชาติเปรี้ยวมาจากไหน ? เกิดจากการย่อยแป้งในข้าว และนอกจากเส้นใยของราเทมเป้แล้ว ยังมีแบคทีเรีย และยีสต์รวมอยู่ในนั้นด้วย

หลังเส้นใยเดินเต็มที่แล้ว เส้นใยจะหยุดเดิน ทำให้แบคทีเรียและยีสต์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ การย่อยแป้งเกิดมากขึ้น ทำให้ก้อนเทมเป้ข้าวนิ่มลง เกิดกรด และแอลกอฮอล์ตามมา

ทีนี้จะเริ่มมีกลิ่น และรสคล้ายข้าวบูด ซึ่งเป็นปกติของการเปลี่ยนแปลงจากการบ่ม

ฉะนั้นหากบ่มแล้วเส้นใยเดินเต็มที่ ให้เก็บเข้าตู้เย็นทันที เลยถึงบางอ้อ คราวหน้าจะไม่พลาดแล้วค่ะ แต่ถือว่าประสบความสำเร็จนะคะ

ทำให้รู้ว่าเทมเป้ข้าว จะต้องทำจากข้าวไรซเบอรี่ดีที่สุด เพราะ

1. ข้าวมีเปลือกหนา

2. หุงข้าวแล้วข้าวไม่แฉะง่าย (ใส่น้ำปริมาณน้อยกว่าปกติ)

จุดสำคัญคือ ความพอดีของข้าวสุก ไม่แฉะ

ปล. ขอบพระคุณอาจารย์ฉัตรชัยสำหรับข้อมูลนะคะ

เดี๋ยวจะทำใหม่อีกครั้ง ลองกิน แล้วจะมาเล่าความฟินของเทมเป้ข้าวไรซเบอรี่นะคะ ว่าอร่อยกว่าเทมเป้ถั่วเหลืองยังไงบ้าง


กดติดตามเป็นกำลังใจได้ที่ Follow please : 👇

🌱 Blog : 

🌱 Tiktok : 


Plant Delights - ความสุขของคนกินพืช

ความคิดเห็น